รายการสินค้า

Get Connected

วิธีอ่านช่อง Input–Output ของ Mixer ฉบับเข้าใจง่าย

วิธีอ่านช่อง Input–Output ของ Mixer ฉบับเข้าใจง่าย
 
“เข้าใจสัญญาณ เข้าใจการเชื่อมต่อ เสียงก็จะชัดไม่สะเปะสะปะอีกต่อไป”
 
Mixer เป็นอุปกรณ์หัวใจของระบบเสียง เพราะมันคือศูนย์รวมและกระจายเสียงจากทุกแหล่ง แต่สิ่งที่ทำให้มือใหม่จำนวนมากสับสนคือ “หน้าตาของมัน” ที่มีทั้งรูกลม รูเสียบ รูแจ็ค ปุ่มหมุน และช่องแปลก ๆ เต็มไปหมด ถ้าไม่เข้าใจว่า ช่องไหนทำอะไร รับเสียงหรือส่งเสียง หรือเชื่อมกับอะไร การใช้งาน Mixer ก็จะยิ่งยาก ไม่กล้าแตะ และพลาดโอกาสที่จะคุมเสียงให้โปรได้จริง บทความนี้จะช่วยให้อ่าน Input–Output ของ Mixer ได้แบบเข้าใจง่าย ใช้งานได้เลยทันที
 
เข้าใจก่อนว่า Input กับ Output คืออะไร
 
Input (ช่องรับเสียง)
คือ ช่องที่ใช้เสียบอุปกรณ์ “ที่ส่งเสียงเข้ามา” เช่น ไมโครโฟน กีตาร์ คีย์บอร์ด คอมพิวเตอร์ ฯลฯ เสียงที่เข้ามาจะถูกควบคุม แก้ไข หรือปรับระดับใน Mixer
 
Output (ช่องส่งเสียงออก)
คือ ช่องที่ Mixer “ส่งเสียงออกไป” เช่น ไปยังลำโพง หูฟัง เครื่องบันทึกเสียง สตรีมสด ฯลฯ
 
ช่อง Input แต่ละประเภท
 
1 ช่อง XLR (Balanced Mic Input)
ลักษณะเป็นรูสามรู วงกลม ใช้ต่อไมโครโฟนคุณภาพสูง (โดยเฉพาะแบบ condenser) จุดเด่นคือ ป้องกันเสียงรบกวนได้ดี เหมาะกับงานเสียงที่ต้องการความคมชัด บางรุ่นจะมี “Phantom Power” (+48V) สำหรับไมค์ Condenser
 
2 ช่อง TRS / TS (Line Input)
ลักษณะเหมือนรูเสียบแจ็คหูฟัง 6.3 มม. (1/4 นิ้ว) TRS (Tip-Ring-Sleeve) ใช้ส่งสัญญาณแบบ balanced ,TS (Tip-Sleeve): ใช้ส่งแบบ unbalanced เช่น เสียงจากกีตาร์, คีย์บอร์ด ช่องเหล่านี้บางรุ่นจะใช้ร่วมกับ XLR แบบ “Combo Jack”
 
3 ช่อง RCA (Stereo Line Input)
ลักษณะเป็นคู่สีขาว-แดง (เหมือนต่อเครื่องเล่น CD/DVD) ใช้ต่อเครื่องเสียงบ้าน, คอมพิวเตอร์, เครื่องเล่นเพลง เป็นแบบ unbalanced ให้เสียงที่พอใช้ได้ในงานทั่วไป
 
4 ช่อง USB / Bluetooth (บน Mixer รุ่นใหม่)
ใช้รับเสียงจากคอมพิวเตอร์, มือถือ, แท็บเล็ต Mixer บางรุ่นสามารถเป็น Audio Interface ได้ในตัว เช่น Behringer Xenyx USB Series
 
ช่อง Output แต่ละประเภท
 
1 Main Out / Master Out
คือช่องที่ส่งเสียง “รวมทั้งหมด” ออกไป ใช้ต่อกับลำโพงหลัก (PA), เครื่องบันทึกเสียง, เครื่องส่งไลฟ์ มักจะเป็น XLR หรือ TRS (บางรุ่นมีทั้งสองแบบ)
 
2 Aux Send / Monitor Out
คือช่องส่งสัญญาณ “แยกออกไป” จาก Main ใช้ส่งเสียงเฉพาะบางช่อง เช่น เสียงจากไมค์ 1 กับ 2 ไปหูฟังนักดนตรี แต่ไม่ส่งเสียงไมค์ 3 ใช้ในการทำ Monitor Mix (เสียงที่ศิลปินต้องการฟัง) หรือส่งเอฟเฟกต์
 
3 Control Room Out
คล้าย Main Out แต่แยกให้กับการควบคุมเสียงในห้องเฉพาะ เหมาะกับงานสตูดิโอ หรือห้องควบคุมเสียง
 
4 Phones / Headphone Out
ส่งเสียงไปยังหูฟัง ใช้สำหรับฟังเสียงรวมทั้งหมด หรือเสียงเฉพาะ Aux ที่เรากำหนด
 
5 USB Out (เฉพาะรุ่นที่รองรับ)
ส่งเสียงจาก Mixer กลับเข้าไปในคอมพิวเตอร์ ใช้สำหรับบันทึกเสียง, ไลฟ์สด, สตรีมเกม, พอดแคสต์ ฯลฯ
 
คำแนะนำสำหรับมือใหม่
 
อย่าเสียบมั่วโดยไม่ดูว่าเป็น Input หรือ Output และใช้สายที่เหมาะสมกับแต่ละช่อง เช่น XLR สำหรับไมค์, TRS สำหรับเครื่องดนตรี ควรหมั่นเช็คว่า Output ไหนส่งไปที่ไหน และ Gain ของ Input ปรับมากหรือน้อยเกินไปหรือไม่ ถ้าเป็น Mixer รุ่นดิจิทัล อย่าลืมตั้ง Routing ให้ตรง
 
สรุป
 
ความเข้าใจเรื่อง Input–Output เป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของการใช้งาน Mixer อย่างถูกต้อง หากคุณรู้ว่าเสียงจากแต่ละแหล่ง “เข้าทางไหน” และ “ควรส่งออกทางไหน” ก็จะควบคุมคุณภาพเสียงได้ดียิ่งขึ้น และสามารถใช้งาน Mixer ได้อย่างมั่นใจมากขึ้นในทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นบนเวที สตูดิโอ หรือในไลฟ์สด
 
สนใจปรึกษาเรื่องระบบเสียง เรามีครบทั้งสินค้า บริการ และทีมช่างมืออาชีพ
- ออกแบบตามขนาดห้องจริง
- แนะนำอุปกรณ์ที่เหมาะสมตามงบ
- ติดตั้งและดูแลหลังการขายครบวงจร
 
หากองค์กรของคุณกำลังวางแผน อัปเกรดระบบเสียงใน ห้องประชุม หรือติดตั้งระบบเสียงใหม่ เราพร้อมให้คำปรึกษา ออกแบบ และติดตั้ง ระบบเสียง แบบครบวงจร โดยทีมผู้เชี่ยวชาญ
สามารถติดต่อเรา เพื่อขอรับคำปรึกษาและประเมินราคาฟรี z-conference.com
 
รวบรวมข้อมูลและเรียบเรียงโดย : CSIProAV
ชุดประชุม, ไมค์ประชุม, ไมค์ห้องประชุม, ไมค์ conference, ห้องประชุม, ลำโพง ห้องประชุม, เสียง ห้องประชุม,
ย้อนกลับ

ไมค์ประชุม, ชุดประชุม, ไมค์ห้องประชุม, ไมค์ประชุมไร้สาย, ชุดประชุมไร้สาย, microphone conference, ระบบเสียง, ระบบภาพ, ระบบแสง, ออกแบบ, ติดตั้ง