รายการสินค้า

Get Connected

EQ, Gain, Fader, Pan คืออะไร? ปุ่มพวกนี้บน Mixer ใช้ยังไงให้เสียงดีขึ้นจริง

EQ, Gain, Fader, Pan คืออะไร? ปุ่มพวกนี้บน Mixer ใช้ยังไงให้เสียงดีขึ้นจริง
 
“ไม่ใช่แค่หมุน ๆ แล้วเสียงจะดีขึ้น ต้องรู้ว่าหมุนเพื่ออะไร แล้วหมุนเท่าไหร่ถึงพอ”
 
Mixer ไม่ได้มีแค่ช่องเสียบสายกับปุ่มปรับเสียงเบา–ดังเท่านั้น แต่มันเต็มไปด้วยปุ่มและลูกบิดต่าง ๆ ที่ทำหน้าที่เฉพาะ ซึ่งถ้าเราเข้าใจหน้าที่ของแต่ละปุ่มอย่างถูกต้อง เราจะสามารถ “ปรับแต่งเสียง” ให้เหมาะกับงาน พื้นที่ และอุปกรณ์ได้อย่างมืออาชีพ 4 ปุ่มพื้นฐานที่ต้องรู้จัก ได้แก่ Gain, EQ, Fader, และ Pan ซึ่งเป็นหัวใจของการมิกซ์เสียงทุกระบบ บทความนี้จะอธิบายแบบเข้าใจง่าย พร้อมวิธีใช้งานจริง ไม่ใช่แค่จำ แต่เข้าใจ
 
GAIN
 
คุม “ความแรง” ของเสียงก่อนเข้าสู่ระบบ ตำแหน่งมักอยู่ด้านบนสุดของแต่ละแชนเนล (ช่องเสียง) ทำหน้าที่เพิ่มหรือลด “ระดับความแรงของสัญญาณเสียง” ที่เข้ามาจากไมโครโฟนหรือเครื่องดนตรี ก่อนเข้าสู่การประมวลผลใน Mixer วิธีใช้คือ เริ่มต้นให้เสียงเข้าประมาณ 50–75% ของ Mester อย่าเร่ง Gain จนเสียง Clip (แตก) อย่าตั้ง Gain ต่ำเกินไป เพราะจะทำให้เสียงไม่คมและมี noise
ตัวอย่างการใช้งาน ถ้าไมค์พูดเสียงเบา → เพิ่ม Gain หรือไลน์เบสแรงเกิน → ลด Gain เพื่อไม่ให้แตก
 
EQ (Equalizer)
 
ปรับ “ความถี่” ของเสียงให้พอดี ตำแหน่งมักอยู่ตรงกลางของแชนเนล มักมี 2–4 แบนด์ เช่น High, Mid, Low ทำหน้าที่ปรับย่านความถี่เสียง
High: ความถี่สูง เช่น เสียงฉาบ เสียงสูง
Mid: เสียงพูด เสียงเครื่องดนตรีส่วนใหญ่
Low: ความถี่ต่ำ เช่น เสียงเบส เสียงอู้
 
วิธีใช้ ถ้าเสียงพูดอู้ → ลด Low , ถ้าเสียงแหลมเกินไป → ลด High , ถ้าเสียงฟังไม่ชัด → เสริม Mid บางช่วง
คำแนะนำ EQ ไม่ใช่ปุ่ม “เพิ่มความดัง” แต่เป็นการปรับ “สมดุล” ของเสียง อย่าใช้ EQ แบบสุดทาง (หมุนสุด) ควรปรับทีละน้อยแล้วฟังผลลัพธ์เสมอ
 
FADER
 
ปรับ “ระดับเสียงรวม” ที่ออกจากช่องนั้น ตำแหน่งจะเป็นปุ่มเลื่อนแนวตั้ง/แนวนอน (หรือหมุนแบบ Volume) ทำหน้าที่ควบคุมระดับเสียงของแต่ละช่องว่าจะดังแค่ไหนเมื่อรวมไปที่ Main Out
วิธีใช้ ตั้ง Gain และ EQ ให้เรียบร้อยก่อน ใช้ Fader เพื่อปรับความดังแต่ละช่องให้บาลานซ์กัน Fader ไม่ควรเร่งสุดหรือลดสุดตลอดเวลา — ใช้คุมความสมดุลของวงทั้งหมด
 
ตัวอย่างการใช้งาน นักร้องหลักควรอยู่หน้ากว่า Backing Vocal กีตาร์กับคีย์บอร์ดควรดังเท่า ๆ กันเพื่อไม่แย่งกันฟัง
 
PAN
 
กระจายเสียงไปทางซ้าย–ขวา ตำแหน่งมักเป็นปุ่มหมุนเล็ก ๆ ที่มักอยู่ใกล้ Fader ทำหน้าที่แยกเสียงให้ไปออกทางซ้ายหรือขวา เพื่อสร้างมิติเสียงในงาน Stereo
วิธีใช้ Pan นักร้องไว้กลาง / Pan กีตาร์ไปซ้ายเล็กน้อย / คีย์บอร์ดไปขวาเล็กน้อย อย่า Pan ทุกอย่างไปทางเดียว จะทำให้เสียงรวมกันมั่ว
คำแนะนำ ใช้ Pan ให้เกิดความลึกและมิติ แต่ไม่ควร Pan สุดจนเสียงหายไปจากฝั่งใดฝั่งหนึ่ง สำหรับงาน Mono หรือไลฟ์บางประเภท อาจไม่ใช้ Pan ก็ได้
 
สรุปลำดับการตั้งค่า(สำหรับมือใหม่)
 
ต่อสาย Input ให้เรียบร้อยก่อน - ตั้ง Gain ให้เสียงอยู่ในระดับปลอดภัย (ไม่ Clip) - ปรับ EQ เพื่อเคลียร์เสียงที่อู้/บวม/แสบ - ใช้ Fader ปรับระดับเสียงแต่ละช่องให้สมดุล - จัด Pan ถ้าใช้งานแบบ Stereo
 
สรุป
 
Mixer ไม่ใช่อุปกรณ์วิเศษที่แค่เสียบแล้วเสียงจะดีทันที แต่เป็นเครื่องมือที่ต้องเข้าใจและใช้อย่างมีระบบ โดยเฉพาะ Gain, EQ, Fader, และ Pan ที่ดูเหมือนเป็นแค่ปุ่มพื้นฐาน แต่จริง ๆ แล้วเป็นหัวใจของการควบคุมเสียงทุกประเภท เมื่อรู้วิธีใช้งานแต่ละปุ่มอย่างถูกต้อง เสียงที่ออกมาจะฟังชัด มีมิติ ไม่บวม ไม่เบา และไม่แสบหูอีกต่อไป ไม่ว่าจะเป็นเสียงพูด เสียงร้อง หรือเสียงดนตรี
 
สนใจปรึกษาเรื่องระบบเสียง เรามีครบทั้งสินค้า บริการ และทีมช่างมืออาชีพ
- ออกแบบตามขนาดห้องจริง
- แนะนำอุปกรณ์ที่เหมาะสมตามงบ
- ติดตั้งและดูแลหลังการขายครบวงจร
 
หากองค์กรของคุณกำลังวางแผน อัปเกรดระบบเสียงใน ห้องประชุม หรือติดตั้งระบบเสียงใหม่ เราพร้อมให้คำปรึกษา ออกแบบ และติดตั้ง ระบบเสียง แบบครบวงจร โดยทีมผู้เชี่ยวชาญ
สามารถติดต่อเรา เพื่อขอรับคำปรึกษาและประเมินราคาฟรี z-conference.com
 
รวบรวมข้อมูลและเรียบเรียงโดย : CSIProAV
ชุดประชุม, ไมค์ประชุม, ไมค์ห้องประชุม, ไมค์ conference, ห้องประชุม, ลำโพง ห้องประชุม, เสียง ห้องประชุม,
ย้อนกลับ

ไมค์ประชุม, ชุดประชุม, ไมค์ห้องประชุม, ไมค์ประชุมไร้สาย, ชุดประชุมไร้สาย, microphone conference, ระบบเสียง, ระบบภาพ, ระบบแสง, ออกแบบ, ติดตั้ง